ไฮโล (Sic Bo) คือ การพนันชนิดหนึ่ง คำว่า ไฮ มาจาก แต้มสูง ส่วนคำว่า โล มาจาก แต้มต่ำ ซึ่งมีวิธีการเล่น โดยการเขย่าลูกเต๋า 3 ลูก จากนั้นคุณก็แค่ทายว่าแต้มจะออกมาเท่าไหร่ วิธีการแทง นั้นจะมีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์นั้น ๆ
ไฮโล มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ริเริ่มเล่นด้วยกลุ่มคนงาน ได้ทำการก่ออิฐและสลักเลขไว้ คล้ายกับ ลูกเต๋า จะทำการโยนก้อนอิฐ ลงบนพื้น และทายว่าหมายเลขที่ออก จะเป็นหมายเลขอะไร หากทายถูกก็ได้รับรางวัลกลับไป
ไฮโลประกอบด้วยอุปกรณ์การเล่นดังนี้
- ลูกเต๋า เป็นวัสดุทรงสี่เหลี่ยม มีจำนวนจุดบอกจำนวนเลข 1-6 ส่วนใหญ่ใช้ 3 ลูก
- จาน หรืออุปกรณ์ทรงแบนเพื่อแบนฐานรองใส่ลูกเต๋าในการใส่เพื่อเขย่า
- กระดาน ส่วนใหญ่จะใช้วัสดุเป็นผ้ายาง หรือผ้า โดยทำรวดลายเป็นช่องตารางต่าง ๆ แต่ละช่องจะมีรายละเอียดด้านใน เช่น สูง ต่ำ หรือจำนวนเต็ง 1-6 เป็นต้น เพื่อให้ผู้เล่นลงเดิมพันในช่องที่ตนเองเลือก
- ฝาปิด โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เป็นลักษณะฝาสานด้วยไม้ ให้มีลักษณะเป็นฝาปิดทรงกลมสูง หรือไม่ก็ถ้วย หรืออะไรก็ได้ที่หาได้ แล้วแต่มาตรฐานของแต่ละที่
วิธีเล่นไฮโลออนไลน์
วิธีเล่นไฮโลออนไลน์กับ ไฮโล ufabet ทั่วไปส่วนใหญ่แล้วจะคล้ายกัน อาจมีเพียงแค่บางโต๊ะบางเว็บที่มีการใช้กติกาและรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกันไป ถึงอย่างนั้นก็จะมีการเปลี่ยนชื่อเรียกเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นไฮโลปกติหรือที่คาสิโนบางแห่งเรียกว่า Sic-Bo จะใช้กติกาเดียวกัน อัตราจ่ายเหมือนกัน ดังนั้นถ้าไปเจอเว็บไหนเรียกว่า ซิกโบ ก็ไม่ต้องงงไปนะครับ มันคือไฮโลเวอร์ชั่นอินเตอร์แค่นั้นเอง ทดลองเล่นไฮโลufabet
วิธีแทงและอัตราจ่าย
ไฮโล ufabet ทั่วไปจะใช้อุปกรณ์หลักคือลูกเต๋า 3 ลูก และมีโต๊ะเดิมพันที่มีช่องให้วางเดิมพันหลากหลาย แต่ละช่องก็จะมีอัตราจ่ายต่างกันไป แต่ที่น่าสนใจคือ 8 วิธีแทงที่เรากำลังจะพูดถึงกัน ซึ่งมันทั้งช่วยให้มีโอกาสชนะมากขึ้น และทำกำไรได้มากขึ้นด้วย ได้แก่
- แบบต่ำ – สูง
วิธีการเล่นแบบนี้หลายคนคงคุ้นเคยดี บางเว็บบางโต๊ะจะใช้คำว่า “เล็ก-ใหญ่” แทน “สูง-ต่ำ” แต่หลักการก็เหมือนกันคือจะต้องทายให้ถูกว่าแต้มรวมของลูกเต๋าจะออกแต้มต่ำ (4-10 แต้ม) หรือว่าแต้มสูง (11-17 แต้ม) ที่ 3 แต้มกับ 18 แต้ม ไม่นับเพราะเป็นการออกแต้มตอง จะถือว่าเจ้ามือชนะทันที ซึ่งแต้มตองก็จะมี 3 แต้ม (1, 1, 1) 6 แต้ม (2, 2, 2) 9 แต้ม (3, 3, 3) 12 แต้ม (4, 4, 4) 15 แต้ม (5, 5, 5) และ 18 แต้ม (6, 6, 6) สำหรับอัตราจ่ายของการแทงรูปแบบนี้คือ 1 : 1
- แบบเต็งเลข
คือการเลือกตัวเลข 1-6 ที่คิดว่าลูกเต๋าจะออก เงื่อนไขการชนะคือหากลูกเต๋าออกหน้าหมายเลขที่ทายไว้จะได้รับอัตราจ่ายตามจำนวนลูกที่ออก สมมติว่า แทงเลข 4 ออกหนึ่งลูกอัตราจ่าย 1:1, ถ้าออก 2 ลูก อัตราจ่าย 1 : 2, ถ้าออก 3 ลูก อัตราจ่าย 1 : 3
- แบบโต๊ดเลข
เป็นการเลือก 2 หมายเลขคล้ายกับแทงเต็งเลข แต่เงื่อนไขการชนะคือลูกเต๋าจะต้องออกหน้าที่เราแทงไว้ทั้ง 2 หมายเลข หรือก็คือออกอย่างน้อย 2 ลูกถึงจะชนะ หากออกแค่ลูกเดียวถือว่าแพ้ อัตราจ่ายคือ 1 : 5
- แบบโต๊ดเลขคู่
การเล่นแบบนี้เราจะต้องเลือกหมายเลขที่คิดว่าจะออกแค่เลขเดียวเท่านั้น แต่เงื่อนไขการชนะคือจะต้องมีลูกเต๋าที่ออกหน้าแต้มที่แทงไว้ 2 ลูกขึ้นไป สมมติว่าแทงโต๊ดเลขคู่ 5 ก็ต้องออกหน้า 5 สองลูก ถึงจะชนะเดิมพัน อัตราจ่ายคือ 1 : 8
- แบบตองเจาะจงเลข
เป็นการทายว่าลูกเต๋าจะออกเลขตองอะไรตั้งแต่ 1-6 เช่น แทงตอง 5 ออกมาเป็นหน้า 5 ทั้ง 3 ลูก ก็ชนะเดิมพันไป ถ้าออกหน้าอื่นแม้จะเป็นแต้มเดียวกันก็ไม่ได้ อัตราจ่ายคือ 1 : 150
- แบบตองรวม
การแทงรูปแบบนี้จะง่ายกว่าแทงตองเจาะจงเลขตรงที่ ไม่ว่าจะออกแต้มไหนขอแค่ลูกเต๋าทั้งสามลูกออกหน้าเดียวกันก็ถือว่าชนะ อัตราจ่าย 1 : 24
- แบบคู่-คี่
เป็นการแทงว่าแต้มรวมของลูกเต๋าทั้ง 3 จะออกมาเป็นเลขคู่หรือว่าเลขคี่ หากทายถูกจะถือว่าชนะเดิมพัน อัตราจ่ายคือ 1 : 1 แต่เงื่อนไขของการนับแต้มคี่จะเริ่มตั้งแต่ 5 แต้ม 1 กับ 3 จะไม่นับ ส่วนเลขคู่จะเริ่ม 4 แต้ม ถ้าออก 2 แต้มก็ไม่นับเช่นกัน
- แบบแต้มรวม
รูปแบบการแทงจะง่าย ๆ คือทายว่าแต้มรวมของลูกเต๋าจะออกมากี่แต้ม ตั้งแต่ 4 – 17 แต้ม โดยแต่ละแต้มจะมีอัตราจ่ายต่างกันดังนี้
- ถ้าออก 4 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 50
- ถ้าออก 5 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 18
- ถ้าออก 6 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 14
- ถ้าออก 7 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 12
- ถ้าออก 8 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 8
- ถ้าออก 9 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 6
- ถ้าออก 10 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 6
- ถ้าออก 11 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 6
- ถ้าออก 12 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 6
- ถ้าออก 13 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 8
- ถ้าออก 14 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 12
- ถ้าออก 15 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 14
- ถ้าออก 16 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 18
- ถ้าออก 17 แต้ม อัตราจ่าย 1 : 50